คำนวณต้นทุนราคาเครื่องดื่มต่อแก้วอย่างไรให้คุ้มทุน!

สำหรับคนที่อยากเปิดร้านกาแฟ หรือเพิ่งเปิดร้านใหม่ หรือแม้แต่เปิดมานานแล้วแต่ยังทำบัญชีไม่ลงตัว ลองฟังทางนี้

ก่อนที่คุณจะตั้งราคากาแฟสัก 1 แก้ว ต้องรู้ต้นทุนต่อแก้วก่อน จึงสามารถตั้งราคาได้แบบไม่ขาดทุน ซึ่งในแต่ละแก้วจะมีต้นทุน หลักๆ 3 อย่าง ดังนี้

1. ต้นทุนวัตถุดิบ 
เป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนวณ ซึ่งสูตรคำนวณต้นทุนต่อแก้ว คือ…
ราคาซื้อ x (ปริมาณที่ใช้ต่อแก้ว/ปริมาณทั้งหมดต่อถุง)
★เช่น เมล็ดกาแฟ ขนาด 250 กรัม 109 บ.
= ราคาซื้อ 109 บ. x (เมล็ดกาแฟที่ใช้ต่อแก้ว 20 กรัม/ปริมาณต่อถุง 250 กรัม)
จะได้ต้นทุนเมล็ดกาแฟ 8.72 บาทต่อแก้วนั่นเอง
และใช้วิธีนี้คิดต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อหาค่าต้นทุนของกาแฟ 1 แก้ว

2. ต้นทุนค่าแรง
นอกจากค่าวัตถุดิบแล้ว ต่อให้เราชงเองหรือจ้างพนักงาน ก็อย่าลืมบวกค่าแรงพนักงานไปด้วย
★วิธีคิด★
ต้นทุนค่าชงกาแฟต่อแก้ว = เงินเดือน/จำนวนแก้วที่ชงได้ใน 1 เดือน
เช่น เงินเดือนนักงาน 15,000 บ.ชงได้เดือนละ 3,000แก้ว
คือ 15,000/3,000 = 5 บาทต่อแก้วนั่นเอง

3. ต้นทุนคงที่อื่น ๆ
ต้นทุนอื่น ๆ เช่น ค่าเครื่อง ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ อย่าลืมเอามาคำนวณในต้นทุนด้วยทุกครั้ง
เช่น ค่าเช่าร้าน เดือนละ 60,000 บาท หารด้วยจำนวนแก้วที่คิดว่าจะขายได้ 3,000 แก้วต่อเดือน คิดเป็นต้นทุนต่อแก้ว = 60,000/3000 = 20 บาทต่อแก้วเป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีรายละเอียดเรื่องต้นทุนที่สูญเสีย (waste cost) เช่น วัตถุดิบหมดอายุ ค่าเสื่อมของเครื่องมือ ที่อาจกลายเป็นต้นทุนเพิ่ม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดด้วย

ซึ่งในตอนแรกเริ่มอาจจะยุ่งยากและรายละเอียดเยอะสักหน่อย แต่ถ้าลงตัวแล้ว ร้านของเราจะต้องยอดขายปัง ทำกำไร ไม่ติดตัวแดงแน่นอน

นึกถึงกาแฟดีๆ นึกถึง Infinite Triple
ติดตามโปรโมชั่นดีๆ สอบถาม/สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ Infinite Triple
——————————
‘อยากมีร้านกาแฟ แค่ทักเรา‘ ☕ We serve the best quality
Infinite Triple 📞093-465-9288
Line OA : @infinitetriple
Map : https://bit.ly/Map-InfiniteTriple